วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

คลังน้ำมัน ในอินเดียระเบิด - ข่าวร้าย ที่สื่อมวลชนไทย ปิดปากเงียบ

อุบัติภัยจากภาคอุตสาหกรรม เกิดบ่อย แต่ ... ทำไม! สื่อประเทศไทย ไม่นำเสนอ การระมัดระวังภัยป้องกันภัยจะได้เกิด เกิดเหตุสลดแล้ว จะใส่ใจ ไล่หาความรับผิดชอบ ก้อไร้ประโยชน์
New Delhi: A major fire broke out at an Indian Oil Corporation (IOC) installation near Navi Mumbai early on Tuesday.
The fire broke out around 2 AM at the Indian oil facility at Taloja industrial area near Mumbai, fire brigade sources said.
There are no reports of any casualties.

The fire began in containers holding lubricant oil. It completely gutted the IOC storage area, before being controlled.

At least 18 fire tenders were brought in and prevented the blaze from reaching large diesel tanks just 50 metres away.

Top police officials including Navi Mumbai police commissioner Javed Ahmed and others were at the site supervising the firefighting operations.

The fire began in containers that were holding lubricant oil.


Kolkata: A fire broke out in a cold storage after ammonia gas leaked and then spread to an adjacent cotton godown at Maniktala in north Kolkata on Monday.

Altogether 25 fire tenders were trying to control the fire, but scarcity of water was hindering operations, fire brigade sources said.

"There is a huge amount of smoke which is obstructing visibility and making it difficult for the firemen," the sources said.

Gas leak, fire in cold storage in Kolkata

There was no casualty and none fell ill from the gas leak, they said.

"There were very few people in the area and all have been moved to safer places," they added.

Local people alleged that there was a gas leak in the cold storage on Sunday evening following which the fire brigade arrived, but left without doing anything

เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่คลังเก็บน้ำมันในเขตสิตาปุระ นิคมอุตสาหกรรมของรัฐราชสถาน ทางภาคตะวันตกของอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และอีก 25 คน ติดอยู่กองไฟ

นายกุลดีป รันกา พนักงานเก็บภาษีของเขต เปิดเผยว่า เกิดระเบิดรุนแรงขึ้น 2 ครั้งก่อนจะเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้น เปลวเพลิงพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า-คลังน้ำมันแห่งนี้เป็นสถานที่เก็บน้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด และน้ำมันดีเซล ให้กับบริษัทน้ำมันของรัฐหลายบริษัท
รายงานเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน อีก 25 คนติดอยู่ภายใน เครือข่ายโทรทัศน์ช่องข่าว CNN

IBN รายงาน มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน

ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้คลังน้ำมันถูกขอร้องให้อพยพออกมาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ทางการของรัฐระดมรถดับเพลิงอย่างน้อย 20 คัน เข้าสกัดกั้นเพลิง


วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

สาเหตุคลังน้ำมันบางจากระเบิดเกิดจากท่ออุปกรณ์ควบคุมน้ำมันเตารั่ว


วันศุกร์ ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554
บริษัทบางจากฯ ชี้แจงสาเหตุคลังน้ำมันระเบิดเกิดจากท่ออุปกรณ์ควบคุมน้ำมันเตารั่ว ทำให้เกิดการติดไฟ แต่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 30 นาที โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ คาดต้องรอประมาณ 10 ชม.จึงจะเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย และสาเหตุที่แท้จริงได้

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปิโตรเลียม จำกัด มหาชน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 7.00 น.วันนี้ ได้เกิดไฟลุกที่บริเวณท่อของอุปกรณ์ควบคุมในหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตาเป็นน้ำมันดีเซลบริเวณโรงกลั่นน้ำมันของบางจาก ซอยสุขุมวิท 64 ซึ่งเจ้าหน้าที่ของโรงกลั่นน้ำมันบางจากสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ภายในเวลาประมาณ 30 นาที ขณะเกิดเหตุได้ปิดระบบการกลั่นทั้งหมดเป็นเวลา 10 นาที เพื่อปล่อยแก๊สออกทางท่อระบายความดันในระบบ (แฟล์) ซึ่งมีความสูงถึง 100 เมตร จึงไม่มีผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม และชุมชนใกล้เคียง นอกจากผลกระทบทางด้านจิตใจเกี่ยวกับความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ในพื้นที่รอบข้างโรงกลั่นมีชุมชนอยู่ประมาณ 10,000 หลังคาเรือน

สำหรับสาเหตุเบื้องต้น สันนิษฐานว่าเกิดจากท่อของอุปกรณ์ควบคุมในหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตาเป็นน้ำมันดีเซลรั่ว ทำให้เกิดติดไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ได้โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนหน่วยกลั่นอื่นไม่ได้รับความเสียหายสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ แต่ในขณะนี้มีคำสั่งให้ปิดระบบโรงกลั่นทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย

ไฟไหม้โรงงานเคมีในเนเธอร์แลนด์ - ระงับอย่างไร ก้อควบคุมไม่ได้ แบบที่อ้าง ว่ามาตรฐานสูง

วันพฤหัสบดี ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554
กิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริษัทเก็บรักษาและบรรจุหีบห่อสารเคมี "เคมี-แพ็ค เนเธอร์แลนด์ บีวี" ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเมืองเมอร์ดิก ทางภาคใต้ของเนเธอร์แลนด์ เจ้าหน้าที่ต้องออกคำเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดป้องกันควันพิษจากสารเคมี ระหว่างเพลิงไหม้ก็เกิดระเบิดขึ้นเป็นระยะ กลุ่มควันหนาทึบพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า


เพลิงเริ่มลุกไหม้ขึ้นในช่วงบ่าย ตำรวจเปิดเผยว่าพนักงานทั้ง 50 คนของบริษัทไม่มีใครได้รับอันตราย สาเหตุยังไม่แน่ชัด

ชาวเมืองดอร์เดร็คท์ที่อยู่ข้างเคียง ได้รับคำเตือนให้ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดด้วย เรือบรรทุกของขนาดใหญ่ที่ใช้เส้นทางเดินเรือฮอลแลนด์สดีป ที่อยู่ข้างเคียงก็ถูกสั่งให้หยุดเดินเรือ

ภาพสะเทือนขวัญ ผู้โดยสารนับร้อยวิ่งหนีตาย ขณะเกิดไฟไหม้เครื่องบิน

ถานีโทรทัศน์รัสเซีย เผยภาพสะเทือนขวัญ ผู้โดยสารนับร้อยวิ่งหนีตาย ขณะเกิดไฟไหม้เครื่องบินโดยสารลำหนึ่ง ในไซบีเรีย ในวันปีใหม่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน


สถานีโทรทัศน์รัสเซีย ได้เผยภาพทั้งที่เป็นวงจรปิด และ ภาพถ่ายของช่างภาพมือสมัครเล่น ซึ่งบันทึกได้ขณะที่ผู้โดยสารและลูกเรือ 124 คน พยายามหนีตายออกจากเครื่องบินโดยสาร รุ่น ทูโบเลฟ 154 บี ที่กำลังไฟไหม้ ก่อนที่จะระเบิดกระจุย ระหว่างนักบินกำลังแท็กซี่ เพื่อทยานออกจากสนามบินชูร์กัต ของไซบีเรีย เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ภายในเวลา 100 วินาที เพลิงได้เผาวอดเครื่องบินทั้งลำ และมีผู้โดยสาร 3 คน เสียชีวิต

จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่สืบสวน ยังไม่ยืนยันถึงสาเหตุของเหตุเพลิงไหม้เครื่องนี้ในครั้งนี้ แต่หลังจากที่เกิดเหตุ หน่วยขนส่งของรัสเซีย ได้สั่งห้าม เครื่องบินรุ่นดังกล่าวขึ้นบินแล้ว


วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

เมืองบราซิลร้าง หลังผู้คนอพยพหนีหายนะน้ำท่าม-โคลนถล่ม

เอเอฟพี - ยานพาหนะแถวยาวเหยียดพยายามหลบหนีออกจากเมืองโนวา ฟริเบอร์โก หนึ่งในเทศบาลที่ได้รับความเสียหายร้ายแรงจากอุทกภัยหายนะทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล ที่คร่าชีวิตผู้คนไปร่วมๆ 500 ราย

รถยนต์นับร้อยคันต้องหยุดรอต่อคิวและค่อยๆคลานขึ้นถนนสายหลักที่ถูกดินถล่มซัดเสียไปครึ่งหนึ่งและใช้งานได้เพียงเลนเดียว ในความพยายามออกนอกเมือง แถมขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องคอยเปิดทางให้กับรถฉุกเฉิน ตำรวจและบรรทุกของทหารที่มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองด้วย

เมืองแห่งนี้คือศูนย์กลางของหายนะที่บังเกิดกับบราซิลในสัปดาห์นี้ ขณะที่หน่วยกู้ภัยยังไม่ลดละความพยายามในการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุน้ำไหลบ่าและโคลนถล่มที่คร่าชีวิตผู้คนในหลายพื้นที่ทางเขตหุบเขาใกล้กับนครริโอเดจาเนโร ไปแล้วกว่า 500 ศพ

ในโนวา ฟริเบอร์โก ถนนสายต่างๆแออัดไปด้วยยานพาหนะที่ขนผู้คนอพยพออกจากเมือง ส่วนบางคันก็ขับวนไปรอบๆในความพยายามค้นหาญาติมิตรที่สูญหาย จนทำให้ทีมช่วยเฉินต้องเปิดไซเรนขอทางอยู่ตลอด ขณะที่ตำรวจจราจรในชุดกันฝนต้องคอยทำหน้าที่เปิดทางให้รถตักดินผ่านไปก่อน

กระนั้นบรรยากาศในเมืองสัมผัสได้ถึงความอ้างว้างด้วยร้านค้าต่างๆปิดบริการทั้งหมด โดยเจ้าของร้านบางคนมีสีหน้าโศกเศร้า ท้อแท้ หมดหวังระหว่างยกหีบห่อสินค้าขึ้นรถบรรทุกเพื่ออพยพ ส่วนคนยากจนต้องไปคุ้ยแคะซากหักพังตามภูเขาต่างๆสำหรับอะไรก็ตามที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้

ทว่าในความพยายามออกนอกเมืองของประชาชนโนวา ฟริเบอร์โก ต้องเจออุปสรรคสำคัญอีกอย่าง เมื่อหลายคนที่สามารถเดินทางได้เนื่องจากขาดแคลนน้ำมัน โดยมีรายงานว่า ณ สถานีบริการแห่งหนึ่งมีรถยนต์ต่อแถวรอเติมน้ำมันมากกว่า 60 คันเลยทีเดียว

ย่ายใจกลางของเมือง จตุรัสแห่งหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าโบสถ์สีขาวเต็มถูกแทนที่ไปด้วยโคลน ขณะที่ตู้โทรศัทพ์สาธารณะของเมืองจำนวนมากต้องจมอยู่ใต้โคลนที่สูงในระดับเอว ทั้งนี้แม้รถแทรกเตอร์พยายามอย่างหนักในการเข้าเคลียร์พื้นที่ แต่ดูเหมือนมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย

"มันคือหายนะครั้งใหญ่หลวง เมืองแห่งนี้ถึงจุดจบแล้ว เมืองที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยว ตอนนี้มันถึงจุดจบแล้ว" ชาวบ้านรายหนึ่งบอก ขณะที่โรงแรมต่างๆบอกว่าพวกเขาต้องสูญเสียรายได้มหาศาลหลายล้านดอลลาร์จากวิกฤตโคลนถล่มครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้น ณ เวลาที่ตามปกติแล้วจะเป็นช่วงต้นฤดูกาลพักผ่อนช่วงฤดูร้อนของพื้นที่แถบนี้

ทั้งนี้แม้รัฐบาลกลางและรัฐบาลแห่งรัฐ จะให้คำมั่นต่อการฟื้นฟูพื้นที่ แต่ด้วยขอบเขตความเสียหายที่กว้างขวาง จึงคาดหมายว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี


เมฆฝนสีดำทะมึนเมื่อมองจากตัวเมือง โนวา ฟริเบอร์โก
เมฆฝนสีดำทะมึนเมื่อมองจากตัวเมือง โนวา ฟริเบอร์โก
สภาพบ้านเรือนซึ่งประสบภัยน้ำท่วมและโคลนถล่มในเมืองคาเลอเม ทางตอนเหนือของรีโอเดจาเดโร วานนี้(15)
b>เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยและโคลนถล่มในเขตภูเขาใกล้เมืองรีโอเดจาเนโรของบราซิลพุ่งเกิน 610 ศพแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันพลเรือนเผยวันนี้(16)

หน่วยกู้ภัยเข้าช่วยเหลือประชาชนราว 14,000 คนซึ่งไร้ที่อยู่อาศัยในเขตเซอร์รานา ห่างจากเมืองรีโอประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่ประสบอุทกภัยรุนแรงมากที่สุด หน่วยป้องกันพลเรือนระบุ

โนวา ฟริเบอร์โก เป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยพบผู้เสียชีวิตแล้ว 274 ราย ส่วนที่เทเรโซโปลิสมีผู้เสียชีวิต 263 ราย, เปโตรโปลิส 55 ราย และซูมิโดอูโรอีก 18 ราย

คนงานขนย้ายร่างผู้เสียชีวิตคาดว่า ยอดตายอาจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าถึงหมู่บ้านเล็กๆอีกหลายแห่ง ซึ่งต้องเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบราซิล

ชาวบ้านเข้าไปช่วยค้นหาศพของเด็กหญิง ซึ่งยังถูกฝังอยู่ใต้ซากบ้านในเมือง มอร์โร โด เดเด ทางตอนเหนือของรีโอเดจาเนโร วานนี้(15)


ชาวเมืองคาเลอเมเดินลุยน้ำเข้าไปสำรวจความเสียหายของบ้านเรือน

นักแสวงบุญอินเดียเหยียบกันตายทะลุ 100 ศพ

เอเอฟพี - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 102 รายและบาดเจ็บจำนวนมากในเหตุเหยียบกันตาย ณ พิธีทางศาสนาทางภาคใต้ของอินเดีย เมื่อวันศุกร์(14) จากความโกลาหลที่มีต้นตอจากรถคันหนึ่งพุ่งเข้าใส่ฝูงชน

โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้น ณ เวลาประมาณ 20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของค่ำวันศุกร์(ตรงกับเมืองไทย 23.30 น.) ในพื้นที่แถบภูเขาห่างไกล ในเมืองตริวันดรัม รัฐเกรละ ระหว่างที่นักแสวงบุญกำลังมุ่งหน้าสู่ชาบาริมาลา สถานศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูซึ่งดึงดูดนักแสวงบุญ 3 ถึง 4 ล้านคนในแต่ละปี

โกดิยูเยรี บาลากริชนัน รัฐมนตรีมหาดไทยของรัฐเกรละบอกกับเอเอฟพีว่าเจ้าหน้าที่กู้ศพผู้เสียชีวิต 102 ศพลงมาจากเนินเขาและป่าไม้หนาทึบด้านข้างของถนนแคบๆ ที่เหล่านักแสวงสุญพากันแออัดยัดเยียดมุ่งหน้าสู่สถานศักดิ์สิทธิ์ในวันสุดท้ายของประเพณีทางศาสนาในช่วงฤดูหนาว

"ปฏิบัติการบรรเทาภัยกำลังเดินหน้าต่อไป" เขากล่าวท่ามกลางความคาดหมายว่าเจ้าหน้าที่คนอื่นๆว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจพุ่งสูงกว่านี้ โดย ราเชนดรา นาอีร์ ผู้บัญชาการตำรวจพิเศษเปิดเผยว่าอาจมีนักแสวงบุญเสียชีวิตมากกว่า 100 คนในอุบัติเหตุคราวนี้ ขณะที่รัฐมนตรีศึกษาธิการแห่งรัฐบอกว่าน่าจะอยู่ราวๆ 90 ศพ

หนังสือพิมพ์เพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดีย รายงานว่าปฏิบัติการช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะพื้นที่ประสบเหตุอยู่ในเขตห่างไกล มีป่าหนาทึบปกคลุมและเป็นถนนแคบๆ ทำให้เป็นการเข้าถึงของหน่วยฉุกเฉินทำได้ยาก

คาดหมายว่ารายละเอียดของสาเหตุของโศกนาฏกรรมนี้น่าจะปรากฎออกมาในช่วงเช้าวันเสาร์(15) แต่รายงานข่าวในเบื้องต้นระบุว่าความโกลาหลจุดชนวนมาจากรถบัสหรือไม่ก็รถจิ๊ปคันหนึ่งเสียการควบคุมพุ่งเข้าใส่ฝูงชน "ทีแรกเลยคือรถเกิดอุบัติเหตุและจากนั้นประชาชนก็อยู่ในความอลหม่าน" รายงานข่าวระบุ

นักแสวงบุญทั้งชายและหญิงนับแสนคนต่างพากันเดินเท้าเป็นกลุ่มๆขึ้นไปยังวัดชาบาริมาลา โดยแต่ละคนจะถือหีบห่อเครื่องถวายตามประเพณีไปสักการะบูชาสถานศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพ ทว่าผู้สูงอายุจำนวนมากหรือพวกที่ไม่ต้องการเสียเวลา ก็ยอมที่จะแออัดยัดเยียดบนรถบัสหรือรถจิ๊ปแทน

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

โรงงานผลิตพลุระเบิด ยังพินาศ ขนาดที่เห็น



อยุธยา
- เกิดเหตุโรงงานผลิตพลุระเบิดในพื้นที่ ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 3 ราย บาดเจ็บ 1 คน




วันนี้ (13 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา พร้อมหน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบเหตุระเบิดขึ้นภายในบ้านเลขที่ 53 ม.3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำลพบุรี พบว่าบ้านหลังกล่าวถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหาย ฝาบ้านและหลังคาเปิดออกทั้งหลัง นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้บ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายไปด้วยอีก 4 หลัง

จากการตรวจสอบพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนางไพรัช หรือแต๋ว สมร อายุ 50 ปี โดยดัดแปลงบ้านเป็นสถานที่ผลิตพลุเพื่อใช้ในงานศพและงานรับจ้างทั่วไป มีการใช้หลังคารถกระบะดัดแปลงเป็นที่คลุมหลุมเก็บดินระเบิด โดยใช้ท่อปูนขนาดความกว้าง 1 เมตร ฝังลงไปในดิน ใช้เก็บดินระเบิด ก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้ามีรถยนต์กระบะอีซูซุ สีเขียว 5298 พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีนายอุบล และนางเฉลียว หอมเทศ อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.4 ต.คลองสะแก อ.นครหลวง ขับเข้ามา ท้ายรถบรรทุกถุงดินระเบิดและปุ๋ยยูเรียมาด้วย และเป็นช่วงเดียวกับที่คนงานชายและหญิง 2 คนกำลังประกอบพลุตามปกติ แต่ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนทำให้คนงานทั้ง 2 คนเสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 คนถูกนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชธานี

นอกจากนี้ยังพบว่ามีชิ้นเนื้อมนุษย์กระเด็นกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณที่เกิดเหตุ ในรัศมี 100 เมตร ซึ่งตำรวจกำลังตรวจสอบว่าเป็นชิ้นเนื้อมนุษย์ของศพรายที่ 3 หรือไม่

สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตขณะนี้ทราบเบื้องต้น คือ นางแต๋ว สมร อายุ 50 ปี นายอุบล หอมเทศ และนางเฉลียว หอมเทศ ส่วนนายสุวรรณ สมร สามีนางไพรัช หรือแต๋ว ได้รับบาดเจ็บสาหัส

นายเทียน สำมารัตน์ อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.3 ต.บ้านเกาะ ซึ่งติดกับบ้านหลังที่เกิดระเบิดขึ้น กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกำลังทำสวนอยู่ริมแม่น้ำ และได้ยินเสียงระเบิดดังมาก จึงวิ่งออกมาดู พบว่ามีคนร้องขอความช่วยเหลือ และมีผู้เสียชีวิตจึงตะโกนให้เพื่อบ้านช่วย

ขณะที่ นายกิตติ อิ่มสุวรรณ อายุ 32 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมาตรวจสอบและเตือนบ้านหลังดังกล่าวไปแล้วครั้งหนึ่งว่าการดัดแปลงตัวบ้านดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดเหตุระเบิดขึ้นได้ เพราะโรงงานและสถานที่เก็บรักษาดินระเบิดไม่เข้าข่ายปลอดภัย แต่เจ้าของบ้านก็ไม่เชื่อ

ล่าสุด นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังดังกล่าวแล้ว พร้อมให้ตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตในการประกอบเป็นโรงงานทำพลุหรือไม่

สำหรับพื้นที่ ม.3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา เคยเกิดเหตุโรงงานทำพลุระเบิดขึ้นมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา คือบ้านของนายบุญเหลือ อิ่มสุวรรณ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 600-700 เมตร โดยครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 ราย